ใครก็อยากให้ลูกของตัวเองนั้นเป็นเด็กฉลาดเป็นคนอารมณ์ดีมีความแข็งแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจจริงมั้ยครับ แต่กระนั้นก็ยังมีพ่อแม่หลายคนที่ยังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้ลูกที่ตั้งใจxxxกันออกมานั้นฉลาดแข็งแรงสมดังที่ตั้งใจ ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ก็ควรที่จะเริ่มทำตั้งแต่ลูกนั้นอยู่ในครรภ์เลยครับเพราะจะทำให้ทารกนั้นฉลาด เลี้ยงง่าย อารมณ์ดี ถึงแม้ว่าวิธีการเหล่านี้จะยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นวิธีการที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีข้อสังเกตว่ามีทารกจำนวนไม่น้อยที่ถูกกระตุ้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์นั้นเมื่อเกิดมาแล้วจะมีสติปัญญาดี ทำให้พ่อแม่ชื่นใจที่อุตส่าห์ตั้งใจxxxกันอย่างสุดฝีมือเลยล่ะครับ
คุณแม่ควรอารมณ์ดีอยู่เสมอ
การที่คุณแม่มีอารมณ์ที่ดีอยู่เสมอนั้นร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุขผ่านสายสะดือไปยังลูก ซึ่งจะทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งทางสติปัญญาและอารมณ์ ในขณะที่ถ้าคุณแม่คนไหนมักจะมีแต่ความเครียดล่ะก็ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีนไปให้ลูกน้อยแทน ซึ่งจะทำให้ลูกนั้นมีพัฒนาการที่ช้ากว่า เป็นเด็กที่งอแงเลี้ยงยากกว่านั่นเองครับ
ในลูกได้ฟังเพลงตั้งแต่อยู่ในครรภ์
เมื่ออายุครรภ์ได้ 5 เดือนแล้วนั้นเป็นช่วงเวลาที่ระบบประสาทการได้ยินของเจ้าหนูน้อยจะเริ่มทำงาน ดังนั้นการใช้เสียงเพื่อกระตุ้นจะทำให้เครือข่ายใยประสาทการได้ยินของลูกทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งเสียงที่ดีที่สุดที่จะให้กระตุ้นได้นั้นก็คือเสียงเพลงนั่นเองครับ เป็นเพลงอะไรก็ได้ที่คุณแม่ชอบโดยเปิดให้ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุตให้ดังพอในระดับที่คิดว่าลูกในท้องจะสามารถได้ยินและฟังไปด้วยกันได้ ซึ่งคลื่นเสียงจะไปกระตุ้นระบบประสาทการได้ยินทำให้พัฒนาการด้านระบบการทำงานให้เร็วขึ้น เมื่อคลอดออกมาจะทำให้ลูกสามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างดี และสามารถจัดลำดับความคิดในสมองของตัวเองได้ดีอีกด้วยนะครับ
คุยกับลูกบ่อย ๆ
การส่งเสียงผ่านไปในครรภ์นั้นเป็นการเตรียมพร้อมให้ลูกสำหรับการได้ยินหลังคลอด ดังนั้นคุณแม่จึงควรพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ด้วยเสียงนุ่มนวลพูดประโยคซ้ ๆ ให้ลูกคุ้นชิน หรืออาจเล่านิทาน หรือเล่าให้ฟังว่าวันนี้แม่ไปทำอะไรมาบ้าง ควรเป็นเรื่องที่มีความสุขเพื่อไม่ให้ลูกของเรานั้นเครียดตั้งแต่อยู่ในครรภ์นะครับ
ลูบหน้าท้อง ออกกำลังกายกระตุ้น
การลูบหน้าท้องนั้นจะเป็นการกระตุ้นระบบประสาทและการรับรู้ของลูกให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ควรลูบเป็นวงกลมจากบนลงล่างหรือล่างขึ้นบนก็ได้ และนอกจากนี้แล้วการออกกำลังกายนั้นยังสำคัญเช่นกัน เพราะว่าจะทำให้ลูกในครรภ์ได้เคลื่อนไหวตามไปด้วยซึ่งจะทำให้ผิวกายของลูกไปสัมผัสกับผนังมดลูก ทำให้กระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้ดีขึ้นด้วยแต่ควรออกกำลังกายแบบพอดีนะครับไม่ควรหักโหมจนเกินไป
ส่องไฟกระตุ้นที่หน้าท้อง
เมื่ออายุครรภ์ของคุณแม่ได้ 7 เดือนแล้วลูกน้อยจะสามารถกะพริบตาเพื่อตอบสนองต่อแสงไฟได้ คุณแม่จึงควรเอาไฟฉายส่องที่หน้าท้องให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นนั้นพัฒนาการได้ดีขึ้น และยังเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีสำหรับลูกน้อยหลังคลอดอีกด้วยนะครับ
ทานอาหารให้เมาะสม
สมองของทารกในครรภ์นั้นมีส่วนประกอบเป็นไขมันโดยเฉพาะไขมันที่มีไขมันยกรดอิ่มตัวถึงร้อยละ 60 และยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีผลต่อการพัฒนาของลูกน้อยคือกรดไขมัน DHA ซึ่งมีอยู่ปลาทะเลและสาหร่ายทะเล และอีกตัวคือกรดไขมัน ARA ซึ่งพบมากในน้ำมันพืช ซึ่งถ้าคุณแม่รับประทานอาหารที่มีสารอาหารดังกล่าวเพียงพอจะทำให้ลูกน้อยสามารถสร้างกล้ามเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทได้ดีขึ้นตามไปด้วย